หน้าเว็บ

อยากรวยต้องมี Passive Income?

  คนทำมาหากินทุกคนต่างอยู่บนเงื่อนไขเดียวกัน ..
Active & Passive Active or Passive (Income) น่าเบื่อมากก ใครๆก็พูดกัน ยุคนี้ได้ยินคำว่า Passive  จนฝังอยู่ในซีรีบรัมแล้ว สิ่งสำคัญจึงเป็นการวิเคราะห์ แยกแยะ และตั้งคำถามต่อไปว่าจะทำอย่างไรกับคำเหล่านี้
สิ่งแรกที่วิเคราะห์อย่างถี่ถ้วนแล้วคือ "active" "passive" เป็นเงื่อนไข(หลัก)หนึ่งเดียวจริงๆที่กำหนดความจน และความมั่งคั่ง ดังคำกล่าวของโรเบิร์ต คิโยซากิในพ่อรวยสอนลูก
active ไม่ได้ทำให้คุณรวย แค่ทำให้พอมีชีวิตรอด ดังนั้นคนอยู่ทางฝั่ง active
จะเจอกับปัญหาการเงินเดียวตลอดชีวิตคือปัญหาที่เงินมีน้อยไป หรือไม่มากพอ ส่วนคนที่สามารถย้ายตนเองไปทางฝั่ง passive ได้สำเร็จก็จะเจอปัญหาหนึ่งเดียวเหมือนกัน แต่เป็นปัญหามีเงินมากเกินไป (เมื่อเงินไหลมาทาง passive เพิ่มก็ต้องคิดแก้ปัญหาต่อไปว่าฉันจะทำอย่างไรกับเงินก้อนนี้ดี นี่เงินเข้ามาในบัญชีอีกแล้ว! นี่ฉันต้องออกไปลงทุนอีกแล้วสิ!)


  ตั้งคำถาม แล้วจะทำอย่างไรให้มี passive ก่อนจะได้คำตอบของคำถามนี้ ได้เงื่อนไขเพิ่มมาอีกหนึ่งเป็นเงื่อนไขย่อย คือ "ไม่มีทางลัด" คนประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง ไม่เคยบอกว่าคุณมีทางลัดที่จะเดินไปสู่ความร่ำรวย วอร์เรน บัฟเฟตต์ใช้เวลาตั้งแต่เด็ก (อายุ 11 ขวบ) ในการเริ่มเก็บเงินและลงทุน โรเบิร์ต คิโยซากิบอกว่าคุณจำเป็นต้องใช้เวลาอย่างน้อยสัก 5 ปีในการย้ายตัวเองจากฝั่งที่เงินไม่พอใช้ไปยังฝั่งที่มีเงินมากเกินไป ปีเตอร์ ลินซ์ อดีตผู้จัดการกองทุนฟิเดลลิตี้ แม็คเจ็ลลันบอกว่าเงื่อนไขที่ทำให้เขาทำกำไรจากหุ้นได้ 10 เด้งคือการลงทุนยาว
  กลับมาสู่คำตอบของคำถาม จะมี passive ได้ก็ด้วยการทำ active ให้ล้นซะก่อน เมื่อรายได้จาก active มากและล้นออกมาแล้ว (มีเงินเก็บ) ก็เท่ากับเรามี pre passive แล้วหรือที่ภาษาหุ้นเรียกว่าเงินเย็น เงินเย็นนี่แหละที่เป็น pre passive ของเราแล้ว แต่มันอาจแปรเป็น passive หรือไม่ก็ได้ เพราะการจะสร้าง passive ให้สำเร็จได้ต้องอาศัยปัจจัยสนับสนุนหลายอย่าง สิ่งสำคัญต้องระวังหลุมพรางที่จะดัก pre passive ของเราไป และจะต้องมีความรู้ มีทัศนคติที่ดี ระบบความคิด(ในการลงทุน)ทีถูกต้อง ปีเตอร์ ลินซ์ ยกตัวอย่างใน one up on wall street ได้น่าสนใจและควรค่าการจดจำมากๆว่า "ถ้าคุณซื้อรถ subaru ในช่วงในปี 1977 ราคา 6,410 เหรียญ แน่นอนถึงปี 1986 ด้วยเงินจำนวนนั้นก็จะทำให้คุณกลายเป็นเจ้าของรถ subaru เก่าๆที่กำลังหมดสภาพเต็มทีแล้ว แต่ถ้าคุณใช้เงินจำนวนเดียวกันนั้นซื้อหุ้นของ subaru ช่วงราคาต่ำสุดในปี 1977 นั่นแหละ และขายในราคาที่สูงสุดในปี 1986 เงินของคุณจะกลายเป็นหนึ่งล้านเหรียญ มันมากพอที่จะซื้อคฤหาสน์หลังนึง และรถจาร์กัวอีก 2-3 คัน"
ไม่มีทางลัดในการพาตนเองเดินย้ายจากฝั่งที่เงินไม่พอใช้ไปยังฝั่ง passive และถ้ามันจะมีเงื่อนไขพิเศษอะไรที่พาเราไปถึงได้เร็วขึ้นก็มีเพียง"ความรู้" เท่านั้น

                  ณัฐนันท์ ชำนาญผา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น