แต่ที่จริงแล้วการจะลงทุนในกองทุนรวมให้ได้ผลลัพธ์ หรือผลตอบแทนที่ตอบโจทย์เป้าหมายทางการเงินของเราก็จำเป็นต้องมีการศึกษาให้เข้าใจเช่นเดียวกับสินทรัพย์ประเภทอื่นๆเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจก่อนการลงทุนเช่นกัน ซึ่งในบทความนี้จะกล่าวถึงสิ่งที่เราควรรู้ในการลงทุนกองทุนรวมให้เข้าใจกันแบบง่ายๆ
- กองทุนมีแบบเปิด และปิด เรียกว่าหากแบ่งประเภทกันตามอิสระในการซื้อ ขาย เข้า ออก การลงทุนในกองทุนรวมก็แบ่งได้สองลักษณะหลักๆ นั่นคือเปิด กับปิด ซึ่งแบบเปิดก็คือกองทุนที่ผู้ลงทุนสามารถซื้อขายหน่วยลงทุนได้ตลอด ไม่จำกัดระยะเวลาในการถือครอง ส่วนแบบปิดนั้นจะมีช่วงระยะเวลาที่กำหนดให้เราเข้าซื้อได้ ซึ่งเมื่อผ่านช่วงกำหนดซื้อไปแล้วก็จะไม่สามารถซื้อกองทุนนั้นๆจาก บลจ ได้ และไม่สามารถขายคืนกลางคันได้ โดยต้องรอจนครบอายุที่ทางกองทุนนั้นกำหนดไว้ แต่ก็จะยังสามารถทำการซื้อขายผ่านตลาดรอง (ตลาดหลักทรัพย์) ได้ ซึ่งจะต้องรับความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาที่เกิดจากความต้องการซื้อ และความต้องการขายหน่วยลงทุนนั้นๆในตลาดเอง
- กองทุนมีค่าธรรมเนียม การลงทุนในการกองทุนรวมได้รับการดูแล บริหารจัดการโดยผู้เชี่ยวชาญก็จริง แต่ก็จะมีค่าธรรมเนียมที่เราจะต้องจ่ายเพิ่มเติมจากค่าหน่วยลงทุนที่เราซื้อ ซึ่งโดยทั่วไปค่าธรรมเนียมของกองทุนต่างๆ (ที่จะเกิดขึ้นตอนทำการซื้อ ขาย) มักจะอยู่ที่ราว 0.5%-0.8% ฉะนั้นก่อนการเลือกซื้อกองทุนใดเราก็ควรที่จะศึกษาก่อนว่ากองทุนนั้นๆมีค่าธรรมเนียมเท่าไหร่ หรืออาจทำการเปรียบเทียบค่าธรรมเนียมของกองทุนที่เราสนใจหลายๆตัวเพื่อใช้ในประกอบการตัดสินใจ
- กองทุนมีนโยบายในการลงทุน กองทุนแต่ละกองต่างก็มีนโยบายในการลงทุน เช่นบางกองทุนอาจมีการกำหนดสัดส่วนเงินในการลงทุนว่าจะนำไปลงทุนในตลาดทุน 80% ลงทุนในตลาดเงิน 20% นอกจากนี้ยังอาจมีข้อจำกัดในการเลือกหุ้น หรือสินทรัพย์ที่จะลงทุน เช่น เลือกลงทุนเฉพาะหุ้นในกลุ่ม SET100 เป็นต้น เราจึงต้องทราบถึงนโยบายการลงทุน และข้อจำกัดต่างๆของกองทุนที่เราสนใจก่อนเพื่อจะได้ตัดสินใจเลือกได้เหมาะสมกับโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่เราคาดหวัง และระดับความเสี่ยงที่เรายอมรับได้
- ควรดูประวัติการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุน หนึ่งในสิ่งที่ถือว่าสำคัญและไม่ควรพลาดที่จะศึกษาดูก่อนการตัดสินใจเลือกกองทุนก็คือผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ซึ่งข้อมูลส่วนนี้เป็นข้อมูลที่มีทางกองทุนต่างๆมีการเปิดเผยให้สาธารณะได้ทราบกันอยู่แล้ว และตัวเลขผลตอบแทนในอดีต หรือปีก่อนๆก็ย่อมเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงประสิทธิภาพในการดำเนินงาน การบริหารจัดการของกองทุนได้ และแม้ว่าผลงานในอดีตจะไม่ใช่ตัวการันตี หรือบ่งบอกผลงานในอนาคต แต่การใช้ตัวเลขย้อนหลังหลายๆปีเพื่อคาดการณ์แนวโน้มก็เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจของเราได้เช่นกัน (ควรคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆร่วมด้วย เช่น สภาพเศรษฐกิจในปีนั้นๆ)
ณัฐนันท์ ชำนาญผา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น